วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เพื่อชีวิต


ฟังเพลงเพื่ิอชีวิตใหม่ๆ




ประวัติเพลงเพื่อชีวิต

เพลงเพื่อชีวิต แต่แรกเริ่มหมายถึงเพลงที่มีเนื้อหากล่าวถึงชีวิตของคน โดยเฉพาะคนชนชั้นล่าง กล่าวถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิต การถูกเอารัดเอาเปรียบ เพลงในแนวเพื่อชีวิตในยุคนี้โดยมากจะเป็นเพลงลูกทุ่ง เช่น เพลง กลิ่นโคนสาบควาย ของคำรณ สัมบุญณานนท์, จักรยานคนจน ของยอดรัก สลักใจ, น้ำมันแพง ของสรวง สันติ, น้ำตาอีสาน แต่งโดยชลธี ธารทองและขับร้องโดยสายัณห์ สัญญา เป็นต้น
เพลงเพื่อชีวิต ในประเทศไทยเริ่มเฟื่องฟูเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางโดยแพร่หลายช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 โดยเนื้อหาของเพลงไม่จำกัดเฉพาะชีวิตของคนชั้นล่างอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเรียกร้องประชาธิปไตยและการเหน็บแนมการเมืองอีกด้วย และแนวดนตรีได้เปิดกว้างขึ้นเป็นแนวอคูสสติกหรือร็อก โดยได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจจากศิลปินต่างประเทศ เช่น บ๊อบ ดีแลน, บ็อบ มาร์เลย์ , นีล ยัง, ไซมอน แอนด์ การ์ฟังเกล เป็นต้น วงดนตรีเพื่อชีวิตที่มีชื่อเสียง ได้แก่ คาราวาน, แฮมเมอร์, โคมฉาย เป็นต้น โดยความนิยมในเพลงเพื่อชีวิตไม่ได้เป็นเพียงกระแสในห้วงเวลานั้น หากแต่ยังได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีวงดนตรีและนักร้องเพลงเพื่อชีวิตที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน เช่น คาราบาว, พงษ์สิทธิ์ คำภีร์, พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ, อินโดจีน, คนด่านเกวียน, มาลีฮวนน่า, โฮป, ซูซู, ตีฆอลาซู เป็นต้น อีกทั้งยังมีศิลปินบางคนหรือบางกลุ่มที่ไม่ได้เป็นเพื่อชีวิตอย่างเต็มตัว แต่เนื้อหาของเพลงหลายเพลงมีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกับเพื่อชีวิตหรือจัดให้อยู่ประเภทเพื่อชีวิตได้ เช่น จรัล มโนเพ็ชร, เสกสรร ทองวัฒนา, ธนพล อินทฤทธิ์, หนู มิเตอร์, นิค นิรนาม, พลพล พลกองเส็ง, กะท้อน, ศุ บุญเลี้ยง, สิบล้อ เป็นต้น[1]


ประวัติคาราบาว


ก่อตั้ง


วงคาราบาวเกิดจากการก่อตั้งโดยนักเรียนไทยที่ฟิลิปปินส์ 3 คน คือ ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด) กับ กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เขียว) และ สานิตย์ ลิ่มศิลา (ไข่) ขึ้นที่นั่น ในปี พ.ศ. 2523 โดยคำว่า "คาราบาว" เป็นภาษาตากาล็อก คือภาษาพื้นเมืองของฟิลิปปินส์ แปลว่า "ควาย" ซึ่งทางฟิลิปปินส์ถือเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นเกษตร โดยหมายจะเป็นวงดนตรีที่มีเนื้อหาเพื่อชีวิต

เมื่อกลับมาเมืองไทย แอ๊ดและเขียวได้ร่วมกันเล่นดนตรีในเวลากลางคืน โดยกลางวันแอ๊ดทำงานอยู่ที่การเคหะแห่งชาติ เขียวทำให้กับบริษัทฟิลิปปินส์ที่มาเปิดในประเทศไทย ส่วนไข่ก็ได้แยกตัวออกไป ทั้งคู่ออกอัลบั้มชุดแรกของวง ในชื่อ "ขี้เมา" เมื่อปี พ.ศ. 2524 ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จนัก

ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 ได้มีสมาชิกในวงเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน คือ ปรีชา ชนะภัย (เล็ก) จากวงเพรซซิเด้นท์ และออกอัลบั้มเป็นชุดที่ 2 ในชื่อ "แป๊ะขายขวด" ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอีก

[แก้]รุ่งเรือง


คาราบาว เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในอัลบั้มชุดที่ 3 ในปี พ.ศ. 2526 จากอัลบั้ม "วณิพก" ด้วยเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม โดยมีเนื้อหาที่แปลกแผกไปจากเพลงในยุคนั้น ๆ และดนตรีที่เป็นท่วงทำนองแบบไทย ๆ ผสมกับตะวันตก มีจังหวะที่สนุกสนาน ชวนให้รู้สึกคึกคัก เต้นรำได้

คาราบาวประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในปลายปี พ.ศ. 2527 เมื่อออกอัลบั้มชื่อว่า "เมดอินไทยแลนด์" เป็นอัลบั้มชุดที่ 5 ซึ่งทำยอดขายได้ถึง 5 ล้านตลับ ซึ่งเป็นสถิติยอดจำหน่ายอัลบั้มเพลงของศิลปินไทยที่สูงที่สุดไม่มีใครทำลายได้มาจนปัจจุบัน และเมื่อจัดคอนเสิร์ตใหญ่ ก็มียอดผู้ชมถึง 6 หมื่นคน
โดย คาราบาว ในยุคนั้นเรียกว่ายุคคลาสสิค มีสมาชิกในวงทั้งสิ้น 7 คน ประกอบด้วย
ระหว่างปี พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2533 เรียกได้ว่าเป็นปีทองของคาราบาว โดยมีแอ๊ดเป็นผู้นำ โดยออกอัลบั้มออกมาทั้งหมด 5 ชุด ทุกชุดประสบความสำเร็จทั้งหมด ได้เล่นคอนเสิร์ตที่อเมริกาและยุโรปหลายครั้ง มีหลายเพลงที่ฮิตติดอยู่ในความทรงจำของแฟน ๆ จนปัจจุบัน เช่นเมดอินไทยแลนด์, เจ้าตาก, หำเทียม, มหาลัย, เรฟูจี, บาปบริสุทธิ์, แม่สาย, ทับหลัง, สัญญาหน้าฝน เป็นต้น อีกทั้งได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการเพลงไทยในด้านต่าง ๆ เช่น
  • เป็นศิลปินไทยกลุ่มแรกที่มีโฆษณาลงในปกอัลบั้มและได้รับการสนับสนุนจากภาคธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ ในสังคม
  • การแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของวง ที่ชื่อ "ทำโดยคนไทย" ในปี พ.ศ. 2528 นับเป็นคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ครั้งแรกของศิลปินเพลงไทย และเป็นครั้งแรกด้วยที่มีการแสดงดนตรีในเวทีกลางแจ้ง
  • อัลบั้ม เมด อิน ไทยแลนด์ แม้จะไม่มีมิวสิกวีดีโอ แต่เมื่อเพลงได้ถูกเผยแพร่ออกไป และได้รับความนิยม ทางรัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญในเนื้อหา จึงได้จัดทำมิวสิกวีดีโอขึ้นมาต่างหาก เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยใช้ของไทย
  • เพลงบางเพลงที่มีเนื้อหาส่อเสียด มักจะถูกสั่งห้ามเผยแพร่ออกอากาศเสมอ ๆ ในแต่ละอัลบั้ม

[แก้]แยกย้ายและในปัจจุบัน

ในปี พ.ศ. 2533 สมาชิกในวง 4 คน คือ เขียว เทียรี่ อ.ธนิสร์ และเป้า ได้แยกตัวเป็นอิสระออกไป และทางวงก็ได้รับสมาชิกเพิ่มมา มาแทนที่ตำแหน่งที่ออกไป และยังคงออกอัลบั้มต่อมา และเทียรี่ที่แยกตัวออกไป ก็ได้กลับมาร่วมวงอีกครั้ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 คาราบาวก็ได้ออกอัลบั้มชุดพิเศษ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของสมาชิกชุดเดิม 7 คน ในชื่อชุด "15 ปี คาราบาว หากหัวใจยังรักควาย" โดยออกมาถึง 2 ชุด ด้วยกัน

สมาชิกในยุคปัจจุบัน (จากซ้าย) อ้วน, หมี, อ๊อด, เล็ก, แอ๊ด, เทียรี่, ดุก, โก้, น้อง (เป็นอดีตสมาชิกไปแล้ว)
แต่หลังจากปี พ.ศ. 2540 ชื่อเสียงและความนิยมของวงคาราบาวเริ่มสร่างซาลง เนื่องจากกระแสดนตรีที่เปลี่ยนไป แต่วงก็ยังคงผลิตผลงานออกมาอยู่อย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2545 คาราบาว กลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้งของสังคม เมื่อวงโดยแอ๊ดมีสินค้าของตัวเองออกมาจำหน่าย เป็นเครื่องดื่มชูกำลัง ยี่ห้อ "คาราบาวแดง" ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และวงก็ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 23 คือ "นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่" มาพร้อมกัน
จนถึงปัจจุบันนี้ คาราบาวมีอัลบั้มทั้งสิ้น 26 ชุด ไม่นับรวมถึงอัลบั้มพิเศษของทางวงหรือของสมาชิกในวง หรือบทเพลงในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากนับรวมกันแล้วคงมีไม่ต่ำกว่า 100 ชุด มีเพลงไม่ต่ำกว่า 1,000 เพลง เป็นวงดนตรีที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดทั้งในวงการดนตรีทั่วไปและวงการเพลงเพื่อชีวิต เป็นที่รู้จักของผู้คนในสังคมทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้ฟังเพลง หรือผู้ที่นิยมในเพลงเพื่อชีวิตเท่านั้น จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น "ตำนานเพลงเพื่อชีวิต"
ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2553 มีกระแสข่าวออกมาว่า นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของคาราบาว เพื่อผลประโยชน์ด้านการเมือง และเพื่อให้การบริหารจัดการในวงมีความคล่องตัวมากขึ้น แต่นายวินิจ เลิศรัตนชัย ผู้บริหารบริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ในฐานะผู้จัดมหกรรมดนตรี 30 ปี คาราบาว ซึ่งเป็นการแสดงดนตรีของคาราบาวในวาระครบรอบ 30 ปีของวง ซึ่งจะแสดงเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ตลอดทั้งปี พ.ศ. 2554 ได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าว[2][3]

[แก้]สมาชิกปัจจุบัน

[แก้]อดีตสมาชิก


หน้าปกอัลบั้ม ขี้เมา

หน้าปกอัลบั้ม เมด อิน ไทยแลนด์

หน้าปกอัลบั้ม ทับหลัง

[แก้]ผลงานของคาร







2 ความคิดเห็น: